7.16.2012

นางพญาเมืองเลนที่ทุ่งแสลงหลวง

13 กรกฎาคม 2555
0400 น. เสียงนาฬิกาปลุกแหวกอากาศเข้าไปเขย่าสติที่หลับสนิทมาทั้งคืนให้ตื่นโพลง ตรงตามเวลาที่มะลิตั้งเวลาปลุกเอาไว้ก่อนเข้านอนอย่างแม่นยำ พวกเรารีบลุกขึ้นจากที่นอนหลังจากระลึกความได้ว่าวันนี้เราจะตื่นก่อนสว่าง เพราะจะออกเดินทางไปขี่จักรยานเล่นกับเพื่อนๆ ที่ทุ่งแสลงหลวง
"พ่อ เราออกจากบ้านก่อนตีห้าเลยนะ..."
มะลิจัดแจงโปรแกรมการเดินทางเสร็จสรรพแบบแมเนเจอร์ที่ติดตัวมาจากหนไหนก็ไม่รู้ ได้เลยลูกเพราะพ่อก็ตื่นเต้นพอๆ กับหนูนั่นแหละ การได้ออกไปเที่ยวที่ๆ ยังไม่เคยไปทำให้เราตื่นเ้ต้นเป็นพิเศษ ที่จริงการเดินทางไปต่างจังหวัดทุกครั้งทำให้เราตื่นเต้นได้เสมอ ข้าวของจัดเตรียมไว้พร้อมแล้วตั้งแต่เย็นวานเพื่อป้องกันความผิดพลาด มั่นใจว่างานนี้พร้อมที่สุดไม่มีการป้ำๆ เป๋อๆ ลืมของเด็ดขาด สมุดบันทึก กล้องส่องทางไกล เบิร์ดไกด์ กล้องถ่ายรูป ที่ชาร์จแบต หนังสืออ่านก่อนนอน หมวก นมกล่อง เสื้อผ้า สบู่แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน รองเท้าแตะ ผ้าเช็ดตัว ยาทากันยุง ยาแก้ท้องอืด อาหารที่ทำเตรียมไว้จะไปแชร์กับครอบครัวอื่นๆ เสร็จเรียบร้อย จักรยาน 4 คันสูบลมยางแข็งทุกล้อถูกยกขึ้นแร็คแล้วตั้งแต่บ่าย ทุ่งแสลงหลวงเราพร้อมแล้ว!

เวลาผ่านไปว่องไวปรู๊ดปร๊าด เพราะการเดินทางสะดวกสบายรถน้อยอากาศดีแดดไม่ร้อน เรามาถึงทางแยกเข้าอ.เขาค้อที่จุดเริ่มต้นทางหลวงสาย 2258 แบบยังไม่เหนื่อย  ป่าสองข้างทางของเส้นทางหน้าฝนสวยงามเขียวขจีน่าชื่นใจ แล้วนางช้างแก่รถแลนด์ของเราก็เริ่มฟ้องอายุที่เราชอบแกล้งทำเป็นลืม กว่าจะอุ้ยอ้ายตะกายขึ้นมาถึงยอดเขาค้อเล่นเอาหอบจับ เวลา 11.30 เรามาถึงหน่วยหนองแม่นาโดยสวัสดิภาพและสดชื่นที่สุด

ระหว่างรอเพื่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจึงจัดแจงยกจักรยานลงมาให้ สาวๆ ปั่นเล่น แถวๆ ที่ทำการหน่วยนั่นแหละ ส่วนตัวผมปั่นออกไปหาสัญญาณโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับเพื่อนที่ยังมาไม่ถึง ย้อนไปถึงสะพานข้ามคลองหน้าอุทยาน ขาไปลงเนินชมวิวเพลินมาก แถวนั้นเป็นพื้นที่โล่งติดชายน้ำแดดจัดส่องลงบนพื้นหญ้าที่ตัดไว้เรียบร้อย มีโอกาสได้พบกับผีเสื้อหางติ่งปารีสตัวจริงเป็นครั้งแรก สีฟ้าอมเขียวของมันสะท้อนแดดงดงามวิบวับประทับใจจริงๆ


ตามประสาคนไปถึงก่อนก็อยากจะให้ตามมากันเร็วๆ ว่าแล้วจึงจัดแจงโทรไล่ไปทีละบ้าน
"ถึงไหนแล้วครับพี่โหน่ง...อ้าวไปทำไมพิษณุโลก มันอยู่ทางเพชรบูรณ์นะ..." ผมถามพี่โหน่ง
"อือ แต่ใกล้จะถึงพิษณุโลกแล้วหล่ะ อีกไม่นานก็ถึง"พี่โหน่งตอบกลับมาแบบใจเย็น ส่วนผมยังงงอยู่เล็กน้อย

"ตอนนี้แวะซื้อของตรงเินินมหัศจรรย์ ใกล้จะถึงแล้วล่ะ แต่รถมันฮีตน้ำพุ่งเลย ก็เลยจอดรออยู่เนี่ย พ่อหนุ่มขับรถแบบเดียวกันมีอะไรอยากจะแนะนำมั๊ย?" แม่กั้งส่งเสียงแจ้งสถานการณ์ร้อนๆ จนควันขึ้นมาตามสาย
...20 นาทีต่อมา
"ตอนนี้รถวิ่งได้แล้ว แต่รถพ่อแป๋งกับแม่โหน่งกำลังวิ่งหาอู่ เพราะน้ำเดือดควันขึ้นเหมือนกัน!!!..."
อ้าว...ยังไงกันเนี่ยอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น รถสองคันนัดฮีตขึ้นมาพร้อมกัน ใจก็เป็นห่วงและเห็นใจ จะเสียดายมากถ้าหากปัญหาหนักหนาจนไม่สามารถเดินทางต่อได้

"พี่แป๋งเป็นไงมั่งครับ ถึงอู่หรือยัง?"
"ถึงแล้ว ตอนแรกขับๆ อยู่เห็นน้ำกระเซ็นขึ้นมา โหน่งบอกว่าเมื่อเช้าล้างรถไง น้ำมันคงกระเด็นขึ้นมาเลยนึกว่าไม่เป็นไร(ฮา)..."
"...?"
"วิ่งไปอีกหน่อย เข็มความร้อนมันชี้ที่ H ถามโหน่งว่าแล้วชี้ที่ H แบบนี้มันยังโอเคอยู่ใช่มั๊ย?(ฮาอีกที)"
"...ฯลฯ..."
แต่ในที่สุดทุกบ้านก็สามารถแก้ปัญหาของตัวเองให้ลุล่วงจนเดินทางมาถึงที่หมายได้ด้วยดี

บ้านเราใช้เวลาช่วงบ่ายวันนั้นทดลองขี่จักรยานเข้าไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่ทุ่งนางพญา กะว่าขี่เล่นๆ สบายๆ เอาแค่ถึงจุดชมวิวซึ่งเป็นระยะทางราว 4 กิโลเมตร แดดร่มลมตกอากาศดีมากไม่น่ามีปัญหาอะไร พ่อแม่ลูกจึงคว้าจักรยานคู่ใจปั่นแบบเนิบๆ ชมนกชมทุ่งไปเรื่อยๆ อย่างสบายอารมณ์ เส้นทางดินลูกรังสีแดงหม่นตัดผ่านทุ่งหญ้าอ่อนระบัดใบเขียวขจีสวยชื่นใจ เห็นป้ายปักข้างทางบอกว่าเป็นพื้นที่ชิงเผาเพื่อป้องกันไฟป่าและสำหรับให้สัตว์ได้กินหญ้าอ่อน พอห่างจากด่านชำระเงินค่าธรรมเนียมมาได้สักพัก พื้นถนนช่วงที่เป็นแอ่งยังพอมีความชื้นดินจึงนุ่มเราสังเกตเห็นรอยตีนสัตว์มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์มีกีบ คงจะเป็นสัตว์จำพวกกวางป่า มีหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่ เจ้าของรอยน่าจะเดินหากินหญ้าอ่อนเมื่อเช้านี้ เพราะร่องรอยยังชัดเจนและสมบูรณ์อยู่มาก คิดว่าถ้าไม่มีอะไรไปรบกวนเจ้ากวางก็คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกมาเดินทอดน่องบนถนนโล่งๆ เหมือนกัน นอกจากรอยกวางแล้ว เรายังเห็นรอยสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กป้วนเปี้ยนไม่ไกลจากรอยกวางเช่นกัน

14 กรกฎาคม 2555
ตื่นเช้าขึ้นมาอย่างสดชื่นเต็มที่ หลังอาหารเช้าพวกเราจัดแจงทุบหม้อข้าวทิ้งแล้วรวมพลขึ้นคร่อมรถจักรยานอย่างครึกครื้น มื้อต่อไปของเราอยู่ที่จุดกางเตนท์ทุ่งนางพญาเมืองเลน แก็งค์จักรยาน 20 กว่าคันซึ่งประกอบไปด้วยเด็กเล็กเด็กโตและพ่อแม่ก็ปั่นกันยิก แววตาและสีหน้าบอกความสดใสมุ่งมั่น จักรยานคันเล็กคันใหญ่ทะยอยตามกันเรียงรายเข้าไปในทุ่งเกิดเป็นภาพที่สวยงามที่สุดภาพหนึ่ง เป็นขบวนคาราวานสองล้อหลายวัยตั้งแต่ 6 ขวบไปยัน 50 กว่าๆ โกลาหลอลหม่านและมีสีสันที่สุด










No comments: